ศึกอุ่นเครื่องสุดมันส์ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ เชลซีโชว์ฟอร์มดุดันต้อนเลเวอร์คูเซ่น 2-0 จากประตูของเอสตาเวาและโจอา เปโดร สร้างความมั่นใจก่อนเปิดซีซั่นใหม่
เอสตาเวา ดาวรุ่งบราซิลวัย 17 ปี ซัดประตูเปิดหัวให้เชลซีขึ้นนำตั้งแต่นาที 18 จากจังหวะซ้ำลูกยิงของโคล ปาลเมอร์ ก่อนที่ครึ่งหลังโจอา เปโดร จะยิงปิดกล่องในนาทีสุดท้าย พาเชลซีเก็บชัยชนะเหนือเลเวอร์คูเซ่นแบบไร้ข้อกังขา การครองบอลและการเข้าทำของทีม “สิงห์บลูส์” โดดเด่นตลอดทั้งเกม พร้อมส่งสัญญาณความพร้อมไล่ล่าความสำเร็จในฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะมาถึง
เชลซีภายใต้การคุมทีมของเอ็นโซ มาร์เรสก้า เปิดสนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ ลงเล่นเกมอุ่นเครื่องรับการมาเยือนของไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ทีมแกร่งจากบุนเดสลีกา ผลปรากฏว่าเจ้าถิ่นเก็บชัยชนะได้อย่างสวยงาม 2-0 จากประตูของเอสตาเวาและโจอา เปโดร
เกมเริ่มต้นด้วยความมั่นใจของเชลซีที่ครองบอลได้เหนือกว่าอย่างชัดเจน และเพียงนาทีที่ 18 ก็ได้เฮจากจังหวะที่โคล ปาลเมอร์ ยิงไปติดเซฟ ผู้รักษาประตูเลเวอร์คูเซ่นแต่บอลมาเข้าทางเอสตาเวา ดาวรุ่งบราซิลวัย 17 ปี ที่ไม่พลาดซ้ำเข้าไปเป็นประตูขึ้นนำ 1-0 และเป็นสกอร์แรกในสีเสื้อสิงห์บลูส์ของเขา
เลเวอร์คูเซ่นพยายามเปิดเกมรุกบ้างในช่วงกลางครึ่งแรก แต่แนวรับของเชลซีที่นำโดยกัปตันทีมและผู้เล่นตัวหลักยังคงเหนียวแน่น ทำให้ครึ่งแรกจบลงที่สกอร์ 1-0
ครึ่งหลัง เชลซียังคงเน้นการครองบอลและคุมจังหวะเกม ขณะที่ทีมเยือนเริ่มเปลี่ยนตัวหลายตำแหน่งเพื่อสร้างความสดใหม่ แต่ก็ไม่สามารถเจาะแนวรับเจ้าบ้านได้สำเร็จ ฝั่งเชลซีก็มีการปรับเปลี่ยนผู้เล่นเพื่อทดสอบแท็กติกใหม่ๆ และให้โอกาสนักเตะสำรองลงสนาม
ช่วงท้ายเกม ความพยายามของเชลซีก็ได้ผลเมื่อในนาทีที่ 90 จังหวะสวนกลับเร็วทำให้โจอา เปโดร หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงผ่านมือผู้รักษาประตูทีมเยือนอย่างเฉียบคม ส่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายเป็นประตูปิดกล่อง 2-0
ชัยชนะในเกมนี้ไม่เพียงสร้างความมั่นใจให้กับนักเตะและแฟนบอล แต่ยังเป็นการแสดงศักยภาพของผู้เล่นใหม่อย่างเอสตาเวาที่ปรับตัวกับทีมได้อย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันโจอา เปโดร ก็พิสูจน์ว่าตัวเองเป็นอาวุธสำคัญในแดนหน้า
สถิติหลังเกมแสดงให้เห็นถึงความเหนือกว่าของเชลซี ครองบอลเกือบ 70% ยิงตรงกรอบหลายครั้ง และสร้างโอกาสทำประตูได้ต่อเนื่อง ส่วนเลเวอร์คูเซ่นแม้จะมีจังหวะลุ้นบ้าง แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นประตูได้
เกมอุ่นเครื่องนัดนี้ถือเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับเชลซี ก่อนจะเข้าสู่ฤดูกาลใหม่ 2025/26 ซึ่งแฟนบอลต่างตั้งตารอคอยผลงานในพรีเมียร์ลีกและรายการอื่นๆ ที่ทีมมีลุ้นแชมป์