ประวัติศาสตร์ของสองทีม ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถูกเขียนด้วยหยาดเหงื่อและความภาคภูมิใจ ศึกแดงเดือดไม่ใช่แค่เกมฟุตบอล แต่คือสงครามศักดิ์ศรีที่แฟนบอลทั่วโลกต้องหยุดดูทุกครั้งที่ทั้งสองทีมลงสนาม
ศึกแดงเดือดถือเป็นเกมฟุตบอลที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานที่สุดในอังกฤษ การพบกันของ ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ได้สะท้อนแค่เรื่องฟุตบอลเท่านั้น แต่ยังเป็นการแข่งขันระหว่างสองเมืองอุตสาหกรรม ที่ต่างฝ่ายต่างมีความภาคภูมิใจในรากเหง้าและความสำเร็จของตัวเอง
ลิเวอร์พูลโดดเด่นด้วยสไตล์การเล่นที่เร้าใจและแฟนบอลผู้ภักดี ส่วนแมนยูคือสัญลักษณ์แห่งความไม่ยอมแพ้และพลังแห่งตำนาน ทุกครั้งที่สองทีมนี้เผชิญหน้า สนามฟุตบอลจะกลายเป็นเวทีแห่งอารมณ์ ที่รวมทั้งความสุข ความเศร้า และความทรงจำของแฟนบอลทั่วโลกไว้ด้วยกัน
สโมสร ลิเวอร์พูล ก่อตั้งเมื่อปี 1892 และกลายเป็นทีมที่มีฐานแฟนบอลใหญ่ที่สุดในโลก เสียงเพลง “You’ll Never Walk Alone” คือหัวใจของสโมสร ที่ดังก้องไปทั่วแอนฟิลด์ทุกครั้งที่ทีมลงสนาม ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ลีกสูงสุด 19 สมัย และแชมป์ยุโรปถึง 6 สมัย โดยยุคทองล่าสุดเกิดขึ้นภายใต้การคุมทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ที่พาทีมกลับมาครองความยิ่งใหญ่ คว้าทั้งพรีเมียร์ลีกและแชมเปี้ยนส์ลีกในช่วงปี 2019–2020
หลังการเปลี่ยนถ่ายยุคใหม่ภายใต้การคุมทีมของ อาร์เน่ สลอต ลิเวอร์พูลยังคงเดินหน้าสานต่อปรัชญาฟุตบอลเกมรุก เน้นการเพรสซิ่งและความเร็วในการเข้าทำ ซาลาห์, ฟาน ไดจ์ค, และซโซบอสไล ยังคงเป็นแกนหลักของทีมที่สร้างความหวังให้แฟนบอล ทีมนี้ไม่ใช่แค่เล่นเพื่อชัยชนะ แต่เล่นเพื่อศรัทธาและความภาคภูมิใจในตราสโมสร
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เริ่มต้นในปี 1878 ในนาม Newton Heath ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น Manchester United ในปี 1902 สโมสรแห่งนี้คือสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นและการต่อสู้ ภายใต้การคุมทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยูไนเต็ดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกถึง 13 สมัย พร้อมสร้างนักเตะระดับตำนาน เช่น กิ๊กส์, สโคลส์, รูนีย์ และ โรนัลโด้ จนกลายเป็นทีมที่แฟนบอลทั่วโลกให้การยอมรับว่า “ไม่ว่าจะล้มกี่ครั้ง ก็ยังลุกขึ้นได้เสมอ”
ในยุคปัจจุบัน รูเบน อาโมริม เข้ามารับหน้าที่ผู้จัดการทีม พร้อมภารกิจคืนความยิ่งใหญ่ให้ปีศาจแดงอีกครั้ง ด้วยแนวทางฟุตบอลเชิงรุก และการใช้ดาวรุ่งผสมกับแข้งประสบการณ์ ทีมชุดใหม่กำลังค่อยๆ ก่อรูป ความหวังของแฟนผีอยู่ที่การสร้างทีมที่แข็งแกร่งและเล่นด้วยหัวใจแบบยูไนเต็ดที่แท้จริง
ศึก แดงเดือด ระหว่าง ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ได้เป็นเพียงเกมฟุตบอล แต่เป็น “สงครามแห่งศักดิ์ศรี” ที่สะท้อนความภาคภูมิใจของทั้งสองเมือง จุดเริ่มต้นของความเป็นอริมาจากการแข่งขันทางเศรษฐกิจในยุคอุตสาหกรรม เมื่อลิเวอร์พูลเป็นเมืองท่าที่รุ่งเรือง ส่วนแมนเชสเตอร์คือเมืองอุตสาหกรรมที่ต้องการเส้นทางสู่ทะเล ความขัดแย้งนี้ค่อยๆ ลามสู่สนามฟุตบอลในเวลาต่อมา
ในสนาม ทั้งสองทีมผลัดกันสร้างประวัติศาสตร์ ปี 1999 แมนยูเฉือนชนะลิเวอร์พูลในช่วงสุดท้ายของเอฟเอคัพ ก่อนเดินหน้าคว้า “ทริปเปิ้ลแชมป์” ส่วนปี 2023 ลิเวอร์พูลตอบแทนด้วยการถล่มแมนยู 7–0 ที่แอนฟิลด์ กลายเป็นหนึ่งในผลการแข่งขันที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในโลก ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ศึกนี้ยังคงเป็น “แมตช์ที่โลกหยุดดู” เสมอ
แดงเดือดไม่ใช่แค่เกมฟุตบอล แต่มันคือการต่อสู้ของหัวใจ แฟนบอลทั้งสองฝั่งต่างภาคภูมิใจในทีมของตัวเอง เมื่อเสียงนกหวีดดังขึ้น ไม่มีคำว่าเพื่อน ไม่มีคำว่าประนีประนอม มีเพียงความศรัทธาและความรักในสีเสื้อที่สวมอยู่ นี่แหละคือเหตุผลว่าทำไม “ศึกแดงเดือด” ถึงเป็นเกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกฟุตบอลอังกฤษ และจะยังคงเป็นตำนานที่เล่าขานต่อไปไม่รู้จบ